เม่นแคระ
เม่นแคระ หรือ Hedgehogs ไม่ว่าจะพันธุ์แอฟริกันหรือยุโรปที่คุณๆ นำมาเป็นสัตว์เลี้ยงขณะนี้ มีสิ่งที่ผมเชื่อว่าเจ้าของสัตว์เหล่านั้นยังไม่รู้อยู่เป็นจำนวนมาก
โดย เฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมสำคัญอันเกี่ยวพันถึงความเป็นอยู่ การเลี้ยงดู เป็นสัตว์เลี้ยงชนิดใหม่ของบ้านเรา ซึ่งอาจนำไปสู่การเลี้ยงดูที่ผิดหรือขัดกับพฤติกรรมตามธรรมชาติของเขา ยังผลให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจตามมา

พฤติกรรมน่ารู้ของเม่นแคระมีดังนี้
-เม่นแคระเป็นสัตว์ที่หากินตามลำพัง ประเภทศิลปินเดี่ยว การเลี้ยงจึงไม่ควรรวมกันเป็นฝูง
-เม่นแคระเป็นสัตว์ที่หากินตามลำพัง ประเภทศิลปินเดี่ยว การเลี้ยงจึงไม่ควรรวมกันเป็นฝูง
-จัด ความอบอุ่นให้แก่เม่นแคระอย่างพอเพียง ด้วยการมีวัสดุปูรองนอนซึ่งเป็นฉนวน หรือมีกรงไฟส่องให้ความร้อน เขาก็จะไม่เซื่องซึม และกระฉับกระเฉง
-เม่นแคระมีนิสัยชอบหลบหนีในเวลากลางคืน ฉะนั้นสถานที่เลี้ยงควรมีผิวผนังเรียบ จะทำให้เขาปีนหนีไม่ได้
-มีวัสดุปูรองนอนในพื้นกรงเพื่อให้เขาใช้มุด ขุด เล่น คล้ายกับสภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ เขาจะได้ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
-จัด ที่หลบซ่อนตัวแก่เม่นแคระเพื่อให้เขามีความรู้สึกเป็นส่วนตัว ไม่ถูกรบกวน และรู้สึกปลอดภัย รำคาญ หรือเบื่อหน้าเจ้าของ ก็สามารถเข้าไปหลบอยู่ได้ เช่น โพรง หรืออุโมงค์
-เม่นแคระก็ต้องการออกกำลังกายเช่นเดียว กับหนูถีบจักรหรือหนูแฮมสเตอร์ หาวงล้อให้เขาถีบหรือวิ่งปั่น แต่ต้องพิเศษกว่าคือไม่มีช่องให้ขาหรือตีนเข้าไปติดขัดได้เป็นอันขาด
-ธรรมชาติ ของเม่นแคระเป็นสัตว์หากินกลางคืน มันจึงกระฉับกระเฉงยามค่ำคืน แต่เพื่อให้คุณสามารถเล่นกับเขาได้ ก็สามารถฝึกให้ปรับเวลาหากินพฤติกรรมของเขามาตอบสนองเจ้าของเวลากลางวันได้ เช่นกัน
-การให้อาหารโดยซุกซ่อนไว้ใต้สิ่งรองนอน เช่น คลุกไว้กับขี้เลื่อย ขี้กบ หรือฝอยกระดาษ จะทำให้เม่นแคระต้องออกแรงคุ้ยเขี่ยหาอาหารดังในธรรมชาติ ดีกว่าใส่ภาชนะรอให้มากินง่ายๆ
-ต้องรู้จักว่าพฤติกรรมแสดงความ เจ็บปวดหรือกลัวของเม่นแคระจะแสดงออกอย่างไร สิ่งนี้จะช่วยเตือนให้คุณรู้ถึงอันตรายหรือความเจ็บปวด ไม่พึงพอใจของเม่นแคระล่วงหน้า เช่น เสียงร้อง “กี้-กี้-กี้“ คือ ร้องด้วยความกลัว หรือหวีดเสียงดัง แล้วรีบม้วนตัวกลม ขนแหลมตั้งชัน ฯลฯ ท่าเดินหย่งเหย่งขาแสดงว่าเจ็บตีนหรือขา หากเจ็บปวดในปากจะมีน้ำลายไหลเยิ้ม เคี้ยวลำบาก หรือคาบเหยื่อไม่อยู่ และไม่กินอาหาร ฯลฯ
นี่แหละครับพื้นฐานพฤติกรรมเม่นแคระที่คุณผู้เลี้ยงควรรู้ครับ!
กระรอก
กระรอก ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: อีโอซีน—ปัจจุบัน | |
---|---|
![]() | |
กระรอกสามสี (Callosciurus prevosti) เป็นกระรอกชนิดหนึ่งที่มีสีสวย | |
![]() | |
พญากระรอกดำ (Ratufa bicolor) กระรอกชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทย และเป็นกระรอกชนิดหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อโตขึ้นมาแล้วขนาดลำตัวและน้ำหนักพอ ๆ กับแมวบ้านเลยทีเดียว | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Mammalia |
อันดับ: | Rodentia |
วงศ์: | Sciuridae Fischer von Waldheim, 1817[1] |
วงศ์ย่อย: | |
สกุล | |
กระรอกที่พบในประเทศไทย[แก้]
- พญากระรอกดำ (Ratufa bicolor)
- พญากระรอกเหลือง (Ratufa affinis)
- กระรอกข้างลายท้องแดง (Callosciurus notatus)
- กระรอกข้างลายท้องเทา (Callosciurus nigrovittatus)
- กระรอกท้องแดง (Callosciurus erythraeus)
- กระรอกหลากสี (Callosciurus finlaysoni) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกปลายหางดำ (Callosciurus caniceps)
- กระรอกสามสี (Callosciurus prevostii) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกหางม้าใหญ่ (Sundasciurus hippurus) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกหางม้าเล็ก (Sundasciurus tenuis)
- กระรอกหางม้าจิ๋ว (Sundasciurus lowii)
- กระเล็นขนปลายหูยาว (Tamiops rodolphei)
- กระเล็นขนปลายหูสั้น (Tamiops mcclellandii)
- กระจ้อน (Menetes berdmorei)
- กระรอกหน้ากระแต (Rhinosciurus laticaudatus) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกลายแถบ (Lariscus insignis)
- กระรอกดินแก้มแดง (Dremomys rufigenis)
- พญากระรอกบินหูขาว (Petaurista alborufus) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- พญากระรอกบินหูดำ (Petaurista elegans)
- พญากระรอกบินหูแดง (Petaurista petaurista)
- พญากระรอกบินหูดำหางเข้ม (Petaurista philippensis)
- พญากระรอกบินสีดำ (Aeromys tephomelas)
- กระรอกบินเล็กแก้มขาว (Hylopetes phayrei) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกบินเล็กเขาสูง (Hylopetes alboniger) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกบินแก้มสีแดง (Hylopetes spadiceus) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกบินแก้มเทา (Hylopetes lepidus) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
- กระรอกบินจิ๋วท้องขาว (Petinomys setosus)
- กระรอกบินจิ๋วมลายู (Petinomys vordermanni)
- กระรอกบินเท้าขน (Trogopterus pearsoni)
- กระรอกบินสีเขม่า (Pteromyscus pulverulentus) -สัตว์ป่าคุ้มครอง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กระรอก (อังกฤษ: Squirrel, ภาษาไทยถิ่นเหนือ: ฮอก) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนาดลำตัวเล็ก ขนปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย นัยน์ตากลมดำ หางเป็นพวงฟู จัดอยู่ในประเภทสัตว์ฟันแทะ ในวงศ์ Sciuridae
กระรอกอาจแบ่งได้เป็น 3 พวกใหญ่ ๆ ได้แก่ กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน และ กระรอกบิน
วงศ์กระรอกมี วงศ์ย่อย 2 วงศ์ คือ Pteromyinae ได้แก่ กระรอกบิน และวงศ์ Sciurinae ได้แก่ กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน, ชิพมังค์ [2] ในขณะที่บางข้อมูลแบ่งเป็น 5 (ดูในตาราง)[1]
กระรอกต้นไม้ เป็นกระรอกที่มักพบเห็นได้บ่อยและคุ้นเคยกันดี มีหางยาวเป็นพวงสวยงาม มีกรงเล็บแหลมคม และมีใบหูใหญ่ บางชนิดมีปอยขนที่หู ส่วนกระรอกบินนั้น จะมีพังผืดข้างลำตัว สำหรับกางเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง มักเป็นหากินในตอนกลางคืน มีตาสะท้อนแสงไฟ กระรอกดิน มักจะมีรูปร่างสั้น และล่ำสันกว่ากระรอกต้นไม้ มีขาหน้าแข็งแรงใช้สำหรับการขุดดิน หางของกระรอกดินนั้นจะสั้นกว่าหางของกระรอกต้นไม้ และไม่ฟูเป็นพวงนัก และเช่นเดียวกับสัตว์ฟันกัดแทะชนิดอื่น ๆ กระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้ว และ นิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้ว ตรงส่วนที่น่าจะเป็นนิ้วโป้งจะกลายเป็นปุ่มนูน ๆ ซึ่งถูกพัฒนาให้เหมาะสำหรับจับอาหารมาแทะ
กระรอกมีขนาดใหญ่เล็กต่าง ๆ กันไปตามสายพันธุ์ และสามารถแบ่งตามขนาดได้ 3 กลุ่ม คือ ขนาดใหญ่ เช่น พญากระรอกซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยพบอยู่เพียง 2 ชนิด คือ พญากระรอกดำ (Ratufa bicolor) และพญากระรอกเหลือง (R. affinis) ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ขนาดกลาง เช่น กระรอกหลากสี (Callosciurus finlaysoni) กระจ้อน (Menetes berdmorei) และ ขนาดเล็ก เช่น กระเล็น (กระถิก) (Tamiops spp.) ซึ่งเป็นกระรอกที่เล็กที่สุดที่พบในประเทศไทย
กระรอกเป็นสัตว์ที่คล่องแคล่วว่องไวมาก อาหารของกระรอกคือ ผลไม้ และ เมล็ดพืช เป็นหลัก แต่กระรอกก็ยังชอบกินแมลงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกระรอกขนาดใหญ่อย่างพญากระรอก นั้นบางครั้งก็ยังกินไข่นกเป็นอาหารอีกด้วย
ด้วยความน่ารักของกระรอก ทำให้กระรอกหลายชนิดนิยมเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ เพื่อความเพลิดเพลิน
จำแนกได้ทั้งหมด 30 ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 10 ชนิด[3]
กลุ่มกระรอกต้นไม้ ทั้งหมด 13 ชนิด
กลุ่มกระรอกดิน มี 4 ชนิด
กลุ่มกระรอกบิน มี 13 ชนิด
อย่างไรก็ตามการจำแนกชนิดของกระรอกบินนั้นทำได้ยาก เนื่องจากวงศ์ย่อยนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก แม้แต่ในกลุ่มนักวิชาการเองก็ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้
นอกจากนี้แล้วยังมีสัตว์อีก 3 ชนิด ที่มีรูปร่างและลักษณะใกล้เคียงกับกระรอก จนอาจทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นกระรอกชนิดหนึ่งด้วย แต่ความจริงแล้ว ทั้ง 3 ชนิดนี้เป็นสัตว์คนละอันดับกับกระรอกเลย ได้แก่ บ่าง (Cynocephalu variegatus) ซึ่งเป็นสัตว์ในอันดับบ่าง กระแต (Tupaiidae) เป็นสัตว์ในอันดับกระแต และ ชูการ์ไกลเดอร์ (Petaurus breviceps) หน้าตาและรูปร่างคล้ายกระรอกบินมาก แต่เป็นสัตว์ในอันดับสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง
ประเทศในอาเซียน
1.บรูไน
2.กัมพูชา
3.อินโดนีเซีย
4.ลาว
5.มาเลเซีย
6.พม่า
7.ฟิลิปปินส์
8.สิงค์โปร์
9.ไทย
10.เวียดนาม